รีวิว Tribes of Midgard

เกม Tribes of Midgard เต็มไปด้วยความน่าสนใจอยู่หลายอย่าง และเกมนี้ยังเป็นผลงานชิ้นแรกของทีมงาน Norsfell Games อีกด้วย ทั้งการออกแบบและการใช้เซ็ตติ้งของเกม ฉากต่าง ๆ มีความเป็นเทพนิยาย ส่วนการเล่นก็จะเป็นแบบเอาชีวิตรอดการป้องกันเมือง และการประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ และยังผสมความเป็น Roguelike แถมเกมนี้ยังมีการเล่นแบบ Co-op เล่นกับเพื่อนและคนอื่น ๆ ได้ ต้องมาติดตามดูกันว่าเกม Tribes of Midgard กับ concept ที่น่าสนใจเหล่านี้ จะทำให้เกมนี้กลายเป็นเกมที่ทุกคนพูดถึงและทีมงานนี้จะกลายเป็นทีมงานหน้าใหม่ที่หลาย ๆ คนรู้จักได้หรือไม่

รีวิวเกม Tribes of Midgard

เกม Tribes of Midgard ก็จะให้ผู้เล่นได้เล่นเป็นตัวละครชาวไวกิ้งที่สามารถปรับแต่งได้โดยผู้เล่นจะถูกส่งมาเพื่อที่จะปกป้องหมู่บ้านจากอันตรายและสิ่งต่าง ๆ ที่จะเข้ามาทำลายหมู่บ้านนี้ อีกทั้งยังมียักษ์ที่จะเข้ามาทำลายต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งก็ได้มีการอ้างอิงมาจากตำนานเทพเจ้านอร์ส อีกด้วย ส่วนการนำเสนอเนื้อเรื่องในเกมนี้นั้น นอกจากจะมี Theme หลักแล้ว ตัวเกมดูไม่ค่อยเน้นเนื้อเรื่องมากเท่าไหร่ ซึ่งส่วนนี้ก็น่าเสียดายเมื่อดูเซ็ตติ้งที่มีความเป็นเทพนิยายกับเรื่องราวชาวไวกิ้งที่ดูมีความน่าสนใจมาก ๆ ถ้าเพิ่มรายละเอียดและเนื้อเรื่อง ให้มีความเข้มข้นมากขึ้นกว่านี้ก็อาจจะช่วยดึงเกมนี้ให้น่าสนใจมากขึ้น และก่อนที่ผู้เล่นจะได้เริ่มเล่นเกมจริง ๆ ผู้เล่นจะต้องเล่น Tutorial หรือโหมดสอนเล่นก่อน

Tribes of Midgard

ซึ่งมันก็จะสอนแค่พื้นฐานจริง ๆ เท่านั้น อย่างเช่น การประดิษฐ์สิ่งของเบื้องต้น การสำรวจสิ่งต่าง ๆ และการต่อสู้ แต่ส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นเหมือนกัน กลับสอนน้อยเกินไป อย่างเช่น ระบบการสร้างสิ่งปลูกสร้าง การอัพเกรดอุปกรณ์และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งผู้เล่นจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองในโหมดเล่นจริง ช่วงที่เกมได้วางจำหน่ายไปก็จะมีอยู่สองโหมดให้ผู้เล่นได้เลือกเล่นคือโหมด Saga ที่ผู้เล่นจะต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ภายใน 100 วัน และต้องทำภารกิจต่าง ๆ ให้สำเร็จก่อนที่เวลาจะหมด  ส่วนอีกโหมด คือ โหมด Survival ที่ผู้เล่นสามารถเล่นได้อย่างไม่รู้จบ คือ การที่ผู้เล่นจะต้องเอาชีวิตรอดให้นานที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ โดยที่ทั้งสองโหมดนั้น ก็สามารถเลือกเล่นแบบ Co-op ได้ หรือสามารถเล่นคนเดียวก็ได้ แต่ดูเหมือนว่าตัวเกมจะอยากให้ผู้เล่นได้เล่นกับคนอื่นด้วยมากกว่า ซึ่งถ้าได้เล่นแบบ Multiplayer ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างดีตอบโจทย์มาก ๆ ทั้งเพอร์ฟอร์แมนซ์และระบบการเล่นต่าง ๆ อย่างเช่น การแมตช์ทีม ซึ่งผู้เล่นก็ยังสามารถเลือกเข้าหรือออกได้อยู่ตลอดเวลา และนอกจากนั้นก็ยังมีระบบที่น่าสนใจ อย่างเช่น การเก็บค่าประสบการณ์ในโหมดเอาชีวิตรอด ซึ่งมันก็จะขึ้นอยู่กับระดับความยากและขนาดของแผนที่ แถมยังมีตัวแปรอื่น ๆ อีกด้วย

ส่วนแคมเปญในโหมด Saga ก็จะใช้เวลาเล่นอยู่ประมาณ 2 ถึง 3 ชั่วโมงต่อ 1 รอบ ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างนานสำหรับเกมแบบมัลติเพลเยอร์ ตัวเกมมีคลาสต่าง ๆ ให้ได้เลือกเล่นอีกด้วย ทั้ง Ranger, Warrior, Gliardian, Seer, Hunter, Berserker, Sentinel และ Warden และในแต่ละคลาสก็ยังมีสกิลที่แตกต่างกัน เมื่อเล่นจบในแต่ละรอบแล้วทุกอย่างก็จะถูกรีเซ็ทและต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ตัวเกมก็ยังมีความก้าวหน้าของเกมอยู่ มีการปลดล็อคไอเทมต่าง ๆ ที่จะช่วยให้การเล่นในรอบใหม่มีความง่ายขึ้นอยู่บ้าง มีไอเทมที่เมื่อผู้เล่นเกิดใหม่ก็จะ มีของติดตัวที่กำหนดไว้แล้ว และนอกจากนั้นก็ยังมีสูตรยา มีรูน และมีคลาสให้ผู้เล่นได้ปลดล็อคในการทำ Challenges ต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งก็เป็นจุดที่น่าสนใจที่จะทำให้ผู้เล่นย้อนกลับมาเพื่อเล่นใหม่อีกครั้งอยู่เรื่อย ๆ ได้ แต่คลาสนั้นช่วงแรก ๆ ที่เกมออก บางคลาสยังไม่ค่อยมีความสมดุล มีเก่งเกินไปบ้าง และด้อยเกินไปบ้าง ยิ่งถ้าเป็นคลาสหลัง ๆ ที่ถูกปลดล็อคออกมา จะมีสกิลที่เก่งกว่าตัวแรก ๆ มาก

ในส่วนของระบบการเล่น ในโหมด Saga ผู้เล่นจะต้องรวบรวมทรัพยากรในการเตรียมตัว เพื่ออยู่ในช่วงเวลากลางคืน อย่างเช่น การเก็บหินและพวกกิ่งไม้ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการทำอุปกรณ์พื้นฐาน ซึ่งจะต้องไว้ใช้สำหรับการเก็บทรัพยากรอื่นต่อไป เป็นทรัพยากรที่มีค่ามากขึ้น นอกจากพวกวัตถุดิบที่ได้แล้ว ผู้เล่นก็จะได้รับโซลที่เป็นเหมือนค่าเงิน ในเกม เพื่อใช้ในการอัพเกรด ซ่อมแซม หรือใช้ในการเยียวยาต้นไม้ และเมื่อมืดลง สัตว์ร้ายหรือศัตรูต่าง ๆ ก็จะเข้ามาเพื่อโจมตีหมู่บ้านของเรา ซึ่งทุก ๆ คนก็ต้องช่วยกันปกป้องหมู่บ้านและจัดการเวฟของศัตรูจนกว่าจะเช้าอีกครั้ง

ส่วนการต่อสู้ในเกมนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากนัก ซึ่งในการต่อสู้ก็จะประกอบไปด้วยการโจมตีหลักไปเรื่อย ๆ จนเกจพลังเต็ม ก็จะสามารถโจมตีเสริมได้ ซึ่งศัตรูส่วนใหญ่ภายในเกมนี้ ก็สามารถต่อสู้และเอาชนะได้ง่าย แต่จะมีบางตัวที่เก่งทำให้ผู้เล่นอาจจะต้องวางแผนในการต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น ส่วนอาวุธก็มีให้เลือกเล่นอยู่หลายแบบ แต่การใช้งานในแต่ละชนิดก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมาก ยกเว้นอาวุธระยะไกล ถ้าผู้เล่นเกิดตายขึ้นมา ผู้เล่นก็จะสูญเสียโซลและวัตถุดิบที่เรากำลังถืออยู่ ผู้เล่นจึงจำเป็นที่จะต้องกลับไปจุดที่เราตายเพื่อไปเก็บของต่าง ๆ ของเราคืนคล้าย ๆ เกมแนวโซลทั่วไป ส่วนการต่อสู้กับยักษ์ก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญของเกม เพราะยักษ์มันจะบุกเข้ามายังหมู่บ้านของเราระหว่างวัน และมันก็จะโหดและเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าผู้เล่น เล่นกันหลายคน ก็จำเป็นที่จะต้องช่วยกันจัดการยักษ์ เพราะผู้เล่นหนึ่งคนไม่สามารถจัดการกับยักษ์ได้ด้วยคนเดียว

ผู้เล่นจำเป็นจะต้องช่วยกันเพื่อจัดการให้ได้ เมื่อผู้เล่นได้ร่วมมือกันแล้วและจัดการกับมันได้ ส่วนแผนที่ภายในเกมก็จะถูกสุ่มใหม่อยู่ตลอดในการเล่นเกมแต่ละครั้ง จึงสามารถเกิดอะไรต่าง ๆ ขึ้นได้อย่างมากมาย ที่ผู้เล่นจะได้พบเจอและเราจะต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ ทั้งการเอาชีวิตรอดจากยักษ์ เอาชีวิตรอดจากสภาพภูมิประเทศที่มีความยากต่อการเดินทาง และสภาพอากาศต่าง ๆ ด้วย โดยปัจจัยหลัก ๆ ที่จะช่วยให้เราผ่านเกมนี้ไปได้ ก็คือเพื่อนร่วมทีม เพราะต้องใช้ความเข้าใจ ใช้การสื่อสารกันระหว่างผู้เล่นทุกคน ซึ่งมันค่อนข้างสำคัญมาก ๆ แต่รางวัลที่ได้มาก็จะต้องใช้ร่วมกัน อย่างเช่น การอัพเกรดหมู่บ้านและซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งด้วยความที่ทุกคนใช้ทรัพยากรเดียวกัน อย่างเช่น เงินโซลที่เอาไว้ใช้ซ่อมแซมสิ่งของต่าง ๆ ส่วนตัวของแต่ละคน ซึ่งถ้าผู้เล่นที่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม ก็จะทำให้การเล่นร่วมกันมีความยากมากขึ้น ทำให้ทีมจะต้องช่วยกันบาลานซ์ทุกอย่างให้เหมาะสม ถึงจะสามารถรอดไปด้วยกันได้ ถ้าของที่เราสวมใส่ระดับยิ่งสูงก็ต้องใช้ทรัพยากรที่หายากมากขึ้นด้วย

Tribes of Midgard

รายละเอียดเกม Tribes of Midgard

ในส่วนของระบบกราฟฟิก Tribes of Midgard ดูมีความโดดเด่น มีความแปลกตามาก ๆ ยิ่งถ้าต้องเทียบกับ Theme และฉากหลังของเกมด้วย ที่มีความเป็นเทพนิยาย ที่มีการใช้กราฟฟิกแบบการ์ตูนและมีสีสันค่อนข้างมาก บวกกับเอฟเฟคที่อลังการ ทั้งที่ปกติเกมแนวนี้จะออกแนวมีความสมจริง ความดาร์คอย่างเกมอื่น ๆ ในครั้งแรกที่เล่นอาจจะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เมื่อได้เล่นไปเรื่อย ๆ ภาพของเกมก็ดูมีมิติและสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ภายในฉากได้อย่างชัดเจนดี ส่วนการออกแบบสิ่งต่าง ๆ ในฉากก็ดูมีเอกลักษณ์ดีมาก ๆ ส่วนเพอร์ฟอร์แมนซ์ของเกมก็มีความลื่นไหลดี ในส่วนของซาวด์เอฟเฟคก็ถือว่าทำออกมาได้ตามมาตรฐาน เพลงประกอบเกมก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างเพลิดเพลินและเข้ากับ Theme เกมอีกด้วย และเพลงก็ยังเข้ากับสถานการณ์ของเกมได้อย่างดี แม้บางทีอาจจะมีความซ้ำ ๆ กันอยู่บ้าง

เกม Tribes of Midgard ทำออกมาได้น่าสนใจ เพราะมันเต็มไปด้วยไอเดียต่าง ๆ และระบบหลาย ๆ อย่างที่มีฐานมั่นคงสำหรับเกมแนวเอาชีวิตรอด ทั้งเซตติ้งของเกมและกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะต้องทำเพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้ในแต่ละรอบ ส่วนระบบการเล่นแบบมัลติเพลเยอร์ก็ทำออกมาได้อย่างดี มีความลื่นไหล ส่วนงานด้านภาพก็มีความแปลกตาและโดดเด่นดีมากด้วยสไตล์แบบการ์ตูน กับสีสันต่าง ๆ แม้บางอย่างอาจจะต้องปรับปรุงอยู่บ้าง เช่น ความสมดุลของตัวละคร ซึ่งทีมงานก็จะคอยอัพเดทและปรับปรุงเกมอยู่ ถือว่าเป็นผลงานชิ้นแรกของค่ายที่หลาย ๆ คนน่าจะชอบอย่างแน่นอน