รีวิวเกม Disco Elysium : The Final Cut

เกม Disco Elysium เคยวางจำหน่ายไปแล้วเมื่อปี 2019 และได้รับรางวัลมากมาย อย่างเช่น Games Award ในปี 2019 และได้เข้าชิงถึง 4 สาขา และได้ชนะมาทั้ง 4 สาขา ทั้งเกม RPG ยอดเยี่ยม เกมอินดี้ยอดเยี่ยม และการเล่าเรื่องยอดเยี่ยม ที่ได้เสียงตอบรับจากผู้เล่นทั่วโลก ทำให้เกมนี้มีแฟน ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เกมนี้มีในเฉพาะ PC เท่านั้น และผู้พัฒนาก็ได้อัพเกรดสิ่งต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้น และได้นำมาลงเครื่องเล่นคอนโซลที่อยู่ในตลาดแทบจะทั้งหมด ต้องมาดูว่าการกลับมาในครั้งนี้ที่เป็นเวอร์ชั่นสมบูรณ์นั้น จะมีการปรับปรุงและเพิ่มเติมอะไรเข้ามาบ้าง ต้องมาติดตามกัน

รีวิวเกม Disco Elysium

เกม Disco Elysium : The Final Cut มีจุดแข็งอยู่ที่เซ็ตติ้งหรือฉากหลังของเกม ที่ได้สร้างโลกที่มีชีวิตชีวาและมีความสมจริงขึ้นมาได้อย่างอย่างน่าสนใจ กับเนื้อเรื่องของนักสืบคนหนึ่งที่มีอดีตอันแสนเจ็บปวดที่กำลังพักฟื้นจากอาการความจำเสื่อม แต่ก็กลับต้องมาพัวพันกับการสืบสวนและเหตุการณ์ฆาตกรรมที่โหดเหี้ยม ซึ่งมันก็เต็มไปด้วยปริศนา เกมก็ได้เปิดเรื่องราวมาอย่างน่าสนใจและการเล่าเรื่องในเกมนี้เองก็ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ ที่ค่อย ๆ เฉลยปมให้ผู้เล่นได้คาดเดาและคิดตามตลอดทั้งเรื่อง การค่อย ๆ ค้นหาชิ้นส่วนของปริศนาเพื่อปะติดปะต่อกันในการเปิดเผยความจริงที่ซ่อนอยู่ ทำให้รู้สึกลุ้นและติดตามได้ตลอดทั้งเกม โดยที่เนื้อเรื่องก็จะเริ่มเล่าจากจุดเล็ก ๆ ไปจนสู่เหตุการณ์ที่ใหญ่ ๆ ซึ่งทำออกมาได้อย่างดี บวกกับตัวละครในเกมที่มีทั้งตัวละครหลักและตัวละครเสริม มีบทพูดต่าง ๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าเนื้อเรื่องหลักจะใช้เวลาในการเล่นประมาณ 20 กว่าชั่วโมง แต่ด้วยความที่เกมนี้เป็นเกมแนวโอเพ่นเวิลด์ก็จะมีสิ่งต่าง  ๆให้ทำมากมาย ระบบของเกมที่ทำให้ผู้เล่นได้ย้อนกลับมาเล่นใหม่ได้อีก ซึ่งถ้าหากผู้เล่นอินกับโลกของแฟนตาซีก็สามารถเล่นเกมนี้ได้เต็มอิ่มแน่นอน

Disco Elysium

โดยเรื่องราวของตัวเกม Disco Elysium : The Final Cut จะเกิดขึ้นในมาติเนส ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่โหดร้าย เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติรัฐบาลที่ล้มเหลวและการใช้ความรุนแรง แต่เกมนี้ก็ได้ยกระดับของฉากหลังขึ้นมาอีกด้วยการใส่ Theme ของตัวเกมให้ดูมีความซับซ้อนมากขึ้น เหมือนตั้งคำถามกลับมาที่ผู้เล่นเพื่อให้ผู้เล่นสร้างอารมณ์ร่วมเพื่อผูกเข้ากับเรื่องราวและโลกของเกมได้อย่างลงตัว ทั้งภูมิหลังของเมืองที่มีความน่าสนใจและเต็มไปด้วยเนื้อหามากมายผู้คนในเมืองที่ผู้เล่นจะได้พบเจอตลอดเกมก็ดูมีความแปลก แต่ก็มีความสมจริงและมีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าผู้เล่นจะกระทำการใด ๆ หรือไปสำรวจที่ไหนในเกมก็จะรู้สึกได้เลยว่าผู้เล่นจะได้พบกับเรื่องราวใหม่ ๆ ที่จะทำให้ผู้เล่นเข้าใจโลกของเกมนี้มากขึ้น แต่เกมนี้ก็จะเต็มไปด้วยตัวหนังสือมากมายทำให้ผู้ที่จะเล่นเกมนี้จะต้องสนุกไปกับตัวหนังสือที่เยอะมากหรือชอบการอ่าน ซึ่งการเขียนบทก็ทำออกมาได้ดี แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบการอ่านตัวหนังสือเยอะ ๆ ก็อาจจะไม่รู้สึกอินกับเกมและการนำเสนอที่ตัวเกมพยายาม ถ่ายทอดออกมามีทั้งความขัดแย้งและปริศนามีทั้งอารมณ์ขบขันและความมืดมน แต่สิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเกมนี้ คือ เสียงพากย์ที่ถูกใส่เข้ามาแบบ ฟูลวอยซ์ ทำให้ทุกประโยคในเกมทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจมาก และนอกจากจะเพิ่มเสียงพากย์เข้ามาแล้วมากกว่า 1,000,000 คำ ก็ยังมีภารกิจใหม่ ๆ และอัพเกรดกราฟฟิกให้รองรับได้ถึง 4K ถึง 60 FPS แต่ก็ยังมีข้อสังเกตอยู่บ้าง โดยเฉพาะในภาคนี้ก็จะมีปัญหาด้านเทคนิค อย่างเช่น เสียงพากย์ที่อยู่ ๆ ก็หายไป แม้จะไม่ได้เจอบ่อยแต่ก็ทำให้ความยอดเยี่ยมถูกลดระดับลงไป

Disco Elysium

รายละเอียดเกม Disco Elysium

ในส่วนของเกมเพลย์ ก็เป็นเกมแนวโอเพ่นเวิลด์ที่เป็นการนำบทสนทนามาใช้กับเกมเพลย์ผ่านมุมมองแบบ Isometric และเกมนี้ก็ถือว่ามีความ RPG มีทั้งเอกลักษณ์และหลายอย่างก็แตกต่างจากเกมอื่น แถมยังทำออกมาได้อย่างลงตัว แต่เกม Disco Elysium : The Final Cut จะไม่มีระบบการต่อสู้ จะเน้นไปที่การสำรวจสิ่งต่าง ๆ ภายในฉากและการพูดคุยกับ NPC และการเลือกชอยส์ในการกระทำความคิดและคำพูดของผู้เล่นจะผูกเข้ากับระบบ Skill หรือทักษะ ซึ่งจะมีทักษะหลัก ๆ อยู่ 4 อย่างและในทักษะแต่ละอย่างก็จะมีทักษะย่อย ๆ อีก 6 อย่าง ทำให้มีสกิลทั้งหมด 24 แบบ ซึ่งผู้เล่นก็จะสามารถนำมาใช้ในการสร้างตัวละครของเราเองในแบบที่อยากให้เป็นได้ด้วยการเพิ่มความสามารถของสกิลสายที่ผู้เล่นได้เลือกไว้จากสกิลพ้อยท์ที่ได้รับหลังจากการอัพเลเวล ทำให้เกมนี้ผู้เล่นสามารถเลือกเป็นคนแบบไหนก็ได้จะเป็นคนที่ชอบรวบรวมข้อมูล ค้นคว้าสิ่งต่าง ๆ หรือเป็นคนชอบใช้กำลังในการแก้ปัญหา เป็นคนชอบช่วยเหลือ หรือเป็นนักสืบที่มีไหวพริบคอยเก็บทุกรายละเอียด และตัวเกมก็ได้ผูกกันเล่นให้เป็นแบบ RPG หรือคลังความคิดที่จะได้จากการพูดคุยกับตัวละครต่าง ๆ ตลอดทั้งเกมเมื่อได้สะสมความคิดไปซักระยะก็จะสามารถตกผลึกออกมาเป็นแบบที่ใช้เพิ่มเป็นค่า Stat ให้กับเราได้ รวมไปถึงสวมใส่สิ่งต่าง ๆ อีกด้วย และด้วยทางเลือกที่อิสระของเกมนี้ มันช่วยเสริมสร้างให้โลกของเกมนี้ดูมีความหนักแน่นและสมจริงมากขึ้นและยังได้ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับทางเลือกในการที่จะพบเจอกับมุมมองที่แตกต่างกันของผู้เล่นแต่ละคนอีกด้วย ส่วนการบังคับควบคุมก็ได้ถูกเพิ่มเข้ามาให้รองรับกับคอนโทรลเลอร์ เครื่องคอนโซลทำให้หน้าจอเมนูต่าง ๆ มีความเข้าใจยากและการควบคุมเพื่อเลือกสิ่งต่าง ๆ ก็จะไม่ค่อยแม่นยำเท่าไหร่ รวมไปถึงการเดินภายในฉากก็จะมีความยุ่งยาก ยิ่งถ้าอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ ด้วยอาจจะทำให้เสียอารมณ์ในการเล่นพอสมควร

ในส่วนของระบบกราฟฟิก Disco Elysium : The Final Cut ถือว่าเป็นอีกส่วนที่มีความโดดเด่นด้วยการนำเสนอภาพวาดสีน้ำมันที่เป็นแบบจิตรกรรมสีน้ำมันทุก ๆ ฉากจึงสวยงามและเต็มไปด้วยความมืดมน ซึ่งมันก็เข้ากับ Theme ของเกมได้อย่างลงตัว ทั้งให้ความรู้สึกที่แปลกตาและคลาสสิคถ้าใครชอบงานภาพสไตล์จิตรกรรมก็น่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน ส่วนซาวด์เอฟเฟคก็ทำได้ดีอยู่แล้วจากเวอร์ชั่นแรก แต่ในภาคนี้ก็ได้มีการเพิ่มสิ่งที่พิเศษเข้ามาช่วยเติมเต็มงานด้านเสียงให้ดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น คือ วอยซ์แอ็คติ้งหรือเสียงพากย์นั่นเอง ซึ่งก็ทำออกมาได้อย่างดี ตัวละครแต่ละตัวก็จะมีเสียงที่แตกต่างกันและเป็นเอกลักษณ์ และเข้ากับบุคลิกของตัวละครนั้น ส่วนเสียงเพลงและแอมเบียนในเกมก็ทำออกมาได้เข้ากับ Theme ได้อย่างลงตัว

เกม Disco Elysium : The Final Cut ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมยอดเยี่ยม แม้จะยังมีความไม่สมบูรณ์แบบอยู่บ้าง ทั้งปัญหาทางด้านเทคนิคที่สามารถพบเจอได้อยู่ และการควบคุมที่มีความยุ่งยาก แต่ในส่วนอื่น ๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากยิ่งโลกของเกมที่สร้างออกมาด้วยความละเอียด มีที่มาที่ไป เหตุผลกับเรื่องราวที่ซับซ้อนแต่ก็น่าติดตาม ส่วนงานด้านภาพก็มีความศิลปะและมีเอกลักษณ์ ส่วนเสียงเพลงและเสียงพากย์ก็ทำออกมาได้อย่างดี รวมไปถึงเกมเพลย์ที่ทำออกมาได้ดี นำบทมาเข้ากับการเล่น ซึ่งเกมนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบอ่านมาก ๆ ยิ่งถ้าชอบติดตามเนื้อเรื่องด้วย น่าจะถูกใจผู้เล่นแนวแฟนตาซีเลย แต่ถ้าใครไม่ชอบอ่านตัวหนังสือเยอะ ๆ ดังนั้นก็อาจจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่

สล็อต